ประวัติการทำงาน ของ อะอิ คะโงะ

อะอิ คะโงะ เริ่มงานในสายบันเทิงครั้งแรกด้วยการผ่านเข้าไปเป็นสมาชิกรุ่นที่ 4 ของกลุ่มนักร้องหญิง มอร์นิงมุซุเมะ จากโครงการ มอร์นิงมุซุเมะ สึอิกะ ออดิชัน ครั้งที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2543 พร้อมกันกับ ริกะ อิชิกาวะ, ฮิโตมิ โยชิซาวะ และโนโซมิ สึจิ ซึ่งในขณะนั้นคะโงะมีอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น สำหรับเพลงของมอร์นิงมุซุเมะที่เธอได้ร่วมร้องเป็นเพลงแรก ได้แก่เพลง แฮปปีซัมเมอร์เวดดิง เพลงซิงเกิลที่ 10 ของกลุ่ม

เธอกับโนโซมิ สึจิ เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนหนึ่ง ได้ใช้เวลาไม่นานในการกลายเป็นคู่ที่โด่งดังที่สุดประจำกลุ่ม ซึ่งสถานะดังกล่าวนี้ ได้ทวีคูณขึ้นไปอีกเมื่อเธอทั้งคู่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของกลุ่มนักร้องย่อย มินิโมนิ ร่วมกับสมาชิกอีก 2 คน ได้แก่ มาริ ยางูจิ และมิกะ ทอดด์ (อดีตสมาชิกกลุ่ม โคโคนัทส์มุซุเมะ) ซึ่งต่อมากลุ่มย่อยกลุ่มนี้ได้กลายเป็นกลุ่มย่อยของมอร์นิงมุซุเมะที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเวลาหนึ่ง

และนอกจากมินิโมนิแล้ว เธอยังได้เป็นสมาชิกของกลุ่มนักร้องย่อยกลุ่มแรกของมอร์นิงมุซุเมะที่ชื่อ ทัมโปโปะ อีกด้วย รวมไปถึงกลุ่มในระบบซัมเมอร์ชัฟเฟิลยูนิทส์ที่มีชื่อเสียงอีก 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ 3นิงมัตสึริ ในปี พ.ศ. 2544 (ร่วมกับริกะ อิชิกาวะ และอายะ มัตสึอูระ), แฮปปีเซเว็น ในปี พ.ศ. 2545 และ ซอลท์5 ในปี พ.ศ. 2546

ต่อมาหลังจากที่มินิโมนิต้องพบกับภาวะชะงักงันอย่างไร้กำหนด เธอกับสึจิจึงได้หันไปเปิดตัวกลุ่มนักร้องคู่ของพวกเธอเองภายใต้ชื่อ ดับเบิลยู โดยในขณะนั้นเธอทั้งสองเริ่มที่จะผ่อนปรนสัญญางานกับทางมอร์นิงมุซุเมะให้น้อยลง และตั้งใจจะยุติงานในกลุ่มมินิโมนิที่ใกล้จะยุติกลุ่มไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2547 เธอกับสึจิก็ได้ 'สำเร็จการศึกษา' จากมอร์นิงมุซุเมะไป เพื่อที่จะทุ่มเทให้กับดับเบิลยูอย่างเต็มที่ โดยผลงานที่พวกเธอได้สร้างเอาไว้ในฐานะของดับเบิลยูจนถึงทุกวันนี้นั้น ก็ได้แก่ อัลบั้มเพลงออกมา 2 อัลบั้ม และเพลงซิงเกิลอีก 6 เพลงด้วยกัน

อะอิ คะโงะ กับสถิติโลกฮูลาฮูป

นอกจากจะเป็นนักร้องแล้ว คะโงะยังเคยเป็นนักทำลายสถิติโลกผู้ที่สามารถเหวี่ยงฮูลาฮูปที่ใหญ่ที่สุดได้นานที่สุดในโลกร่วมกันกับโนโซมิ สึจิ เพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมกลุ่มมอร์นิงมุซุเมะ มินิโมนิ และดับเบิลยู ได้อีกด้วย โดยชื่อของเธอทั้งสองนั้นได้รับการบันทึกเอาไว้ในหนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ (กินเนสส์บุ๊ก) ทั้งฉบับประจำปี พ.ศ. 2548 และฉบับประจำปี พ.ศ. 2549

ห่วงฮูลาฮูปที่เธอกับสึจิใช้ในการทำลายสถิติครั้งนั้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 4.08 เมตร (ประมาณ 13.4 ฟุต) ซึ่งถือได้ว่าเป็นห่วงฮูลาฮูปที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น เธอทั้งสองได้บันทึกสถิตินี้เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2547 ผ่านทางการถ่ายทอดสดจากรายการโทรทัศน์พิเศษฉลองเทศกาลปีใหม่ของสถานีเครือข่ายโทรทัศน์นิปปงกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

สถิติดังกล่าวนี้ ได้ถูกทำลายลงไปเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2548 โดยชาวอเมริกันที่ชื่อแอส์ชริตา เฟอร์แมน

ทุกวันนี้ยังไม่มีสัญญาณใด ๆ ที่บอกว่า เธอและสึจิจะกลับมาทวงสถิติเดิมคืนอีกครั้งหนึ่งเลย

ข่าวอื้อฉาว

คะโงะยังคงความเป็นนักร้องอยู่ได้จนกระทั่งวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 เมื่อนิตยสาร ฟรายเดย์ ของญี่ปุ่น (ซึ่งก็คือนิตยสารเดียวกันกับที่เป็นต้นเหตุให้มาริ ยางูจิ อดีตนักร้องของมอร์นิงมุซุเมะอีกคนหนึ่ง ต้องปลดตัวเองออกไปจากกลุ่มอย่างกะทันหัน) ได้มีการลงภาพถ่ายของเธอในขณะที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ เหตุการณ์ดังกล่าวร้อนไปถึงความมั่นคงในหน้าที่การงานของเธอ เนื่องจากว่าตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น บุคคลที่สามารถจะสูบบุหรี่ได้จะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งในขณะนั้น อะอิเพิ่งมีอายุได้ 18 ปีเพียงสองวันก่อนหน้านั้น ดังนั้นข่าวนี้จึงกลายเป็นข่าวฉาวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นผลให้ต้นสังกัดเฮลโล! โปรเจกต์ ต้องออกมาประกาศพักงานนักร้องของเธอไปอย่างไม่มีกำหนด

จากบทสรุปดังกล่าวนี้ ได้ส่งผลให้กลุ่มดับเบิลยูของเธอกับโนโซมิ สึจิ ต้องรับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากว่างานต่าง ๆ ของกลุ่มที่ได้วางแผนเอาไว้ในขณะนั้น ทั้งกำหนดเปิดตัวเพลงซิงเกิลที่ 7 และอัลบั้มที่ 3 ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ และกำหนดการโปรโมทผลงานเหล่านั้นในวันที่ 8 และ 15 มีนาคม ก็ต้องถูกยกเลิกไปทั้งหมด นอกจากนั้นแล้ว เธอก็ยังไม่สามารถออกมาร้องเพลงตามงานต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองอีกด้วย

การลงโทษดังกล่าว ได้มีผู้คาดการณ์ว่าจะเป็นบทลงโทษระยะสั้นเท่านั้น โดยทางสื่อมวลชนของญี่ปุ่นได้ออกมารายงานในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ว่า เธอจะถูกลงโทษอย่างมากไม่น่าจะเกิน 1 เดือน โดยทางเธอเองก็ได้กล่าวว่า อาจจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในช่วงเดือนสิงหาคมของปีเดียวกันนี้

แต่หลังจากวันที่เธอได้รับการลงโทษมาแล้ว 5 เดือน นิตยสาร แฟลช ของญี่ปุ่น ฉบับเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 ก็ได้ตีพิมพ์ภาพถ่ายของเธอเป็นครั้งแรกหลังจากที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวดังกล่าว โดยได้มีการรายงานว่า เธอได้ย้ายออกจากห้องชุดของเธอในกรุงโตเกียว และกลับไปพำนักกับครอบครัวของเธอในนาระ และยังไม่รู้ว่าเธอจะกลับสู่วงการเพลงอีกเมื่อไร

จนกระทั่งปี พ.ศ. 2550 เธอได้กลับมาปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกครั้งผ่านการให้สัมภาษณ์ทางนิตยสารฟรายเดย์ โดยเธอได้กล่าวว่า หนึ่งปีก่อนหน้านี้เธอได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับครอบครัวของเธอในนาระจริง ๆ แต่ทางนายจ้างของเธอได้ช่วยหาทางให้เธอกลับมาทำงานในกรุงโตเกียวอีกครั้ง ปัจจุบันนี้เธอจึงได้กลับเข้ามาทำงานในบริษัทอัพ-ฟรอนต์ เวิร์คส (บริษัทแม่ของเฮลโล! โปรเจกต์) ซึ่งเธอได้เริ่มทำงานที่นี่ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมของปีเดียวกัน โดยมีขอบข่ายงานเทียบเท่ากับพนักงานเสมียนและพนักงานบริการอื่น ๆ เช่น คอยรับโทรศัพท์ หรือเสิร์ฟน้ำชา เป็นต้น เธอยังได้เปิดเผยความรู้สึกออกมาอีกว่า หลังจากที่ได้รับประสบการณ์เชิงลบจากข่าวอื้อฉาวดังกล่าวข้างต้นไปแล้วนั้น เธอรู้สึกว่าทัศนคติที่เธอมีต่อการดำเนินชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไป และยังรู้สึกอีกว่าตัวของเธอนั้นมีความรับผิดชอบมากขึ้น

นอกจากนั้นแล้ว ในบทสัมภาษณ์เดียวกันคะโงะยังได้กล่าวอีกว่า เธอได้มีโอกาสกลับไปพบกับสมาชิกของมอร์นิงมุซุเมะคนอื่น ๆ ที่โยโกฮามาอารีนาแล้ว โดยในตอนแรกที่พบหน้ากัน ไม่มีสมาชิกคนใดเลยที่จำเธอได้เนื่องมาจากว่าน้ำหนักของเธอลดลงนั่นเอง

ส่วนในเรื่องของงานเพลงนั้น ทางต้นสังกัดของเธอได้ออกมากล่าวว่า ได้มีการทำงานกันเพื่อเตรียมพร้อมที่จะให้เธอกลับมาในวงการเพลงอีกครั้งหนึ่งเอาไว้แล้ว ซึ่งในระดับของรายละเอียดนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดมากนัก[1]

ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี แต่คะโงะก็ต้องตกเป็นข่าวอื้อฉาวอีกครั้ง เนื่องจากมีคนไปพบเธอกำลังออกเดทอยู่กับชายสูงวัยกว่า อายุ 37 ปี ซึ่งหลังจากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ในวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2550 เธอก็ถูกยกเลิกสัญญาทั้งหมดและได้รับการอัญเชิญให้ออกจากอัพ-ฟรอนท์ เอเจนซี ไปในที่สุด

และนี่คือส่วนหนึ่งของข้อความในประกาศจากทางอัพ-ฟรอนท์ เอเจนซี เกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาและการเชิญอะอิ คะโงะ ออกจากสังกัด[2]

...เมื่อตอนที่คะโงะมีอายุได้ 17 ปี และไปสร้างเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ก่อนวัยที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อ 1 ปีที่แล้วนั้น ทางต้นสังกัดก็ยังคงตระหนักในประเด็นที่จะให้เธอมีอนาคตกับทางต้นสังกัดอยู่ ถึงแม้ว่าต้นสังกัดจะลงโทษพักงานเธอ และทำให้เธอต้องกลับไปอยู่กับผู้ปกครองที่บ้านเกิดของเธอก็ตาม เพื่อที่จะดูความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในตัวเธอ ทางต้นสังกัดจึงตัดสินใจเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาของเธออีกครั้ง ด้วยการนำตัวเธอกลับมาอาศัยในกรุงโตเกียว และให้เธอทำงานที่เกี่ยวกับศาสนาและงานสำนักงานอื่น ๆ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม (พ.ศ. 2550) เป็นต้นมา ถึงแม้ว่างานที่เธอได้รับมอบหมายนั้นจะดำเนินไปได้ด้วยดีตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ก็กลับเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นโดยที่ตัวเธอเองเป็นต้นเหตุเป็นครั้งที่สอง เป็นเหตุให้แผนการที่จะนำตัวเธอกลับเข้ามาสู่วงการบันเทิงอีกครั้งเป็นอันต้องยุติลงไป และหลังจากที่ทางต้นสังกัดได้ปรึกษากับครอบครัวของเธอ โดยที่เธออยู่ในฐานะของผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แล้วนั้น ทางครอบครัวของเธอก็ได้ให้ความเห็นชอบและยอมรับในการกระทำครั้งนี้ของเธอ จึงเป็นผลให้เธอต้องเป็นอันพ้นจากสัญญาที่มีต่อต้นสังกัดไปโดยสิ้นเชิง

พวกเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และพร้อมที่จะรับผิดชอบอย่างเต็มที่กับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้...

(ประกาศฉบับนี้ ลงวันที่ 26 มีนาคม 2550 ลงชื่อ คะวะงุจิ ยูกิจิ ตัวแทนกรรมการบริษัทอัพ-ฟรอนต์ เอเจนซี)

ทางด้านสึงกุ ผู้ที่เป็นโปรดิวเซอร์ของมอร์นิงมุซุเมะ ก็ได้แสดงความรู้สึกต่อเหตุการณ์นี้ว่า เป็นข่าวที่น่าเสียใจมาก เพราะตัวเขาเองก็กำลังรอคอยการกลับมาของคะโงะอยู่เหมือนกัน และยังได้กล่าวเสริมว่า เขารักเธอเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง ยังไงเขาก็ต้องสนับสนุนตัวเธออยู่ แต่กฎก็เป็นกฎ เธอและพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น นอกจากสยบยอมให้แก่มัน[3]

ชีวิตยุคหลังเฮลโล! โปรเจกต์

วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ทางสถานีโทรทัศน์โตเกียวบอร์ดแคสติงซิสเตมได้รายงานข่าวว่า คะโงะได้เซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซีอื่น ซึ่งอยู่ในเมืองนาระ บ้านเกิดของเธอเอง[4] ต่อมา วันที่ 25 สิงหาคม ปีเดียวกัน มารดาของเธอได้ให้สัมภาษณ์ต่อนิตยสาร "โจเซ เซเวน" ของญี่ปุ่นว่า คะโงะได้เดินทางออกจากญี่ปุ่น และขณะกำลังพำนักอยู่ ณ นครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา[5][6]